วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ชีวิตนี้วันๆมีอะไร

...อย่างนี้นะครับ...คือจริงๆแล้วไม่ค่อยอยากเขียนชีวิตของตัวเองสักเท่าไร
แต่อยากให้มีอะไรเพิ่มเติมในบล็อกก่อนส่งอาจารย์

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...เอาแบบประสบการณ์และการเสวนากับคนอื่นมาพูดบ้างนะครับ
ผมได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งซึ้งอยู่โรงเรียนเก่า เขาได้เล่าว่าเขาอยากเข้าเตรียมอุดม
มากๆ เขาไม่ชอบที่เดิมเลย เขามาระบายเกี่ยวกับปัญหาของเขาแต่ก็คงไม่สามารถเปิดเผยได้

ผมจึงตอบไปว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีค่าเท่ากัน...ถ้าพูดกันตามตรง เตรียมอุดมเป็นสถานที่ดีจริงแต่ก็แฝงด้วยอะไรหลายอย่าง มีความมืดนิดๆที่อยู่ข้างในใจ นอกจากนั้นแล้วชีวิตก็เหมือนอยู่ไปวันๆ มีแต่งานกับงาน พองานเสร็จแล้วก็สอบ...มันมีแต่ความเร่งรีบไปหมดจนบ้างครั้งก็อยากจะหยุดเวลาไปเลย ขอพักก่อนได้ไหมแล้วค่อยเดินต่อไป แต่มันกลับทำไม่ได้ แค่เขียนบทความนี้ยังรีบเขียนเลยเดียวไม่ทันส่ง

นอกจากวันอันจำเจแล้ว ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย มันมีอะไรที่หายไปจากส่วนใดส่วนหนึ่งของลิ้นชักหัวใจ ผมก็หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าทำไมมันต่างกับมัธยมต้นราวฟ้ากับดิน
ตอนอยู่ ม.ต้น ชีวิตสบายๆ ไม่รีบร้อนเลย ถ้าพูดตามตรง มันสบายใจกว่าเยอะ พอ.ม.ปลายทุกอย่างเปลี่ยน ชีวิตเป็นอนิจจัง อยากไปรื้อจริงๆ ไปรื้อออกมาว่ามันคืออะไรกันแน่

จริงๆแล้วที่เล่าไปเหมือนระบายอะไรสักอย่างนะครับ แต่ก็ดีขึ้นเยอะ 555+
ผมชอบดูหนังจีนมากๆๆๆๆๆๆๆ++ โดยเฉพาะตระกูลหยางดูยังไงก็ไม่เบื่อ วิ่งที่เขาสอนไม่ใช่ความสนุกแต่เป็นชีวิตว่าการจะอยู่บนโลกแห่งนี้ ไม่ได้อยู่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อคนอื่นๆด้วย นึกขึ้นมาในใจว่าแล้วตัวเราทำได้รึยัง หรือว่าได้แต่คิด...

ผมสนิทกับอาจารย์ท่านหนึ่งมาก เขาจะเป็นคนที่ให้แง่มุมเกี่ยวกับชีวิตไว้มากพอสมควร และอยากจะบอกเพื่อนๆ เช่น การที่เราจะรักใครชอบใครนะ เราไม่อาจใช้สมองสั่งการได้ แต่เราใช้ใจตัดสินแทน...คือแบบว่าขอให้หัวใจเลือกไม่ใช่ถูกบ่งการงะ อีกข้อที่คิดได้ก็ เราทำอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่เราทำขอให้สบายใจเป็นพอ...มันก็จริงนะ ถามว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่กันแน่ สิ่งที่เราทำมันเป็นสิ่งทีเราใช้ใจตัดสินบ้างรึเปล่า หรือมีอะไรมาบ่งการชีวิตเรากันแน่...ไม่ได้น้ำเน่าแค่แบบคิดมาได้

กล่าวกันว่า ลูกไม้ล้นไม่ไกลต้น หว่านเมล็ดใดก็ได้เมล็ดนั้น เรื่องนี้ก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยเลย ผมเกิดมาในครอบครัว นักวิชาการ มันเลยส่งผลให้ตัวผมเองติดนิสัยมานิดๆ ว่าทำไรต้องทำจริงๆ ตรง คอลัมน์นี้ไม่อยากให้อ่านแต่ก็เขียน อยู่โรงเรียนเก่า เพื่อนๆไม่มีใครมาล้อเลียน หรือส่อเสียดขนาดนี้ เขาก็ “ทรีท” เหมือนกับคนอื่นๆ มีแต่สามัคคี ไม่มีช่องว่างทางสังคม ผมเชื่อว่าในอนาคต เพื่อนผมที่ โรงเรียนเก่าทุกคนต้องไปไกลและก้าวหน้ามากแน่นอน เพราะเขารู้จักว่าคำว่าเพื่อน...มันคืออะไร

จริงๆแล้วอยากหาอะไรเขียนเพิ่มเติมแต่เดียวไม่อ่านกันเพราะมันยาว วันหลังจะหาบทความใหม่ๆ มาเรียบเรียง ให้ดีแล้วจะได้ฟังสาระดีๆ

2 ความคิดเห็น:

945*14___'มัจฉานุ' กล่าวว่า...

ก่อนหน้านี้เข้ามาปกติจะเห็นบอลอัพคลิปวิดีโอของเพื่อนๆ
แต่วันนี้แอบมีสาระ (อ่าว แอบด่าเขาเหรอไอ้ปลาา) เปล่านะ นี่ชมนะเนี่ย (แล้วที่ผ่านมาคือ... อันนั้นก็ฮาดี ชอบ ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อยแหง่ว)

ชีวิตม.ปลาย ! เฮ่อ...
เปิดเทอมหนึ่ง สอบ F1 สอบซัม F2 ไฟนอล ปิดเทอม
เปิดเทอมสอง F1 กีฬาสี งานโรงเรียน ซัม F2 ไฟนอล ปิดเทอม

1 ปีในเตรียม ไม่มีช่องว่างให้ได้หายใจจริงๆอย่างแกว่านั่นแหละนะ อะไรก็ไม่รู้ -*- แล้วก็อย่างที่แกว่าอีกนั่นแหละ ทุกๆอย่างย่อมมีความมืดอยู่ในตัวมันเอง รวมทั้ง 'โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา' ก็ด้วย

แต่ก็อย่าไปเครียดให้มากนะ
พวกเรายังเป็นนักเรียน ไม่ใช่ซาลารี่แมนที่ต้องงก้มหน้าก้มตาทำงานไปทุกวันๆ แล้วมานั่งเครียดนั่งเซ็ง
ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจะพูดอะไรให้รู้สึกดีขึ้น (เอ๊ะ หรือจะทำให้รู้สึกแย่ลงเนี่ย)
ในความเครียด ในความเร่งรีบ และในช่วงเวลาที่เราไม่อาจหยุดพักนี้ได้
ก็ขอให้เพื่อนๆทุกคน รวมทั้งตัวบอลด้วย มองหาความสุขเล็กๆ และประสบการณ์ชีวิตอันมีค่าที่ซ่อนอยู่ให้ได้แล้วกันนะ เพราะเมื่อทุกสิ่งย่อมมีความมืดในตัวของมันแล้ว มันก็ต้องมีแสงสว่างเป็นของคู่กันเหมือนกัน

แล้วก็นะง.. ทุกคนมาจากต่างที่ต่างโรงเรียน จะ 'ทรีท' กันและกัน ไม่เหมือนที่ที่เก่าของเราๆ มันก็เป็นธรรมดาน่ะนะ (เราเองก็ถูก 'ทรีท' ไม่เหมือนกับที่เก่าเหมือนกัน ทุกคนก็เหมือนกันล่ะมั้ง ?) แล้วก็ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกนะ ที่บอลเป็นคนจริงจัง ดีซะอีก ดีกว่าคนเรื่อยๆไปวันๆอย่างเค้าเป็นไหนๆ

ชอบเอ็นทรี่นี้ของบอลน่อ ช่วนให้คิดอะไรหลายๆอย่างดี ไปล่ะจ้ะ

b_w_wizard กล่าวว่า...

กระผมขอขอบคุณ คุณปลามากที่ได้มาแสดงความคิดเห็นและรับฟัง ขอขอบคุณกับข้อเสนอกับ